วันพุธที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2555

Mac OS X Lion


เตรียมเข้าสู่โลกยุคใหม่แห่ง OS กันอีกครั้งสำหรับก้าวต่อไปของ Mac OS X ซึ่งใช้รหัสรุ่นต่อไปว่า 10.7 “Lion” ซึ่งก่อนหน้านี้มีการเปิดเผยรายละเอียดกันคร่าวๆ เท่านั้น แต่ล่าสุดทาง Apple ได้ปล่อยตัว Lion Developer Preview ให้สำหรับเหล่านักพัฒนาโปรแกรมบน Mac ได้ทดลองใช้กันแล้ว ซึ่งในครั้งนี้ก็ได้มีการเปิดเผยถึงรายละเอียดและสิ่งใหม่ๆ ที่เพิ่มขึ้นมามากมายชนิดที่ว่าฉีกล้ำนำคู่แข่งในด้านความทันสมัยไปอีกหลายช่วงตัวอยู่ ซึ่งจะมีอะไรน่าสนใจเพิ่มมาจากเดิมบ้างนั้น ผู้จัดทำบล็อค ขออาสาพาทัวร์กันหน่อยแล้วกัน

Mac App Store

เปิดให้ใช้งานกันมาได้ซักพักแล้วสำหรับ Mac App Store โดยจริงๆ แล้วนี่เป็นหนึ่งในของใหม่ที่จะมาใน Lion แต่ด้วยความใจร้อน Steve Jobs อยากจะดันออกมาให้ชสวโลกได้สัมผัสกันก่อน เราจึงได้ใช้งานกันไปเป็นที่เรียบร้อยใน Mac OS X 10.6.6 นั่นเอง
ตัว Mac App Store ก็คงไม่มีอะไรต้องพูดถึงมาก โดยเป็นโปรแกรมสำหรับดาวน์โหลด App ต่างๆ ลงเครื่องด้วย iTunes Account ที่เราใช้กันบน iOS นั่นเอง

Launchpad

Launchpad เป็นฟังก์ชั่นการทำงานที่เรียกได้ว่าถอดแบบมาจาก iOS แทบจะทุกประการ โดยเป็นการจำลองหน้าจอจัดเรียงไอคอนของโปรแกรมทั้งหมดที่มีอยู่ในเครื่อง ซึ่งลักษณะก็จะเหมือนกับบน iOS โดยเราสามารถเลื่อนหน้าจอไปหน้าอื่นๆ ได้ และสามารถจัดส่วนของโฟลเดอร์ต่างๆ ได้เหมือนบน iOS เป๊ะ เรียกได้ว่างานนี้ใครใช้ iOS มาก่อนสามารถปรับตัวเข้ากับ Mac OS X Lion ได้สบายๆ

โปรแกรมแบบ Full Screen



ใน Lion เราสามารถใช้งานโปรแกรมต่างๆ ในรูปแบบ Full Screen เต็มจอได้ (หากโปรแกรมนั้นรองรับ) ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ใช้หลายๆ คนที่คุ้นเคยการใช้งานแบบเต็มจอบน Windows รอคอยกันมานาน โดยลักษณะการใช้งานคือจะมีไปคอนสำหรับขยายโปรแกรมนั้นๆ ให้เต็มหน้าจออยู่ทางด้านมุมขวาบนสุดของโปรแกรม ซึ่งสามารถกดเพื่อขยายโปรแกรมให้เต็มจอได้ทันที เรียกว่าคราวนี้แต่ละโปรแกรมจะดูสวยงามเต็มจอ และกำจัดบางส่วนที่รกสายตาออกไป ซึ่งก็น่าจะถูกใจกับใครหลายๆ คน

Mission Control

อีกหนึ่งในความสามารถชูโรงของ Lion นั่นก็คือ Mission Control โดยจะเป็นการรวมการทำงานของระบบ Expose และ Dashboard เข้าด้วยกัน โดยเราสามารถใช้ Mission Control ในการดูว่าเราเปิดโปรแกรมอะไรอยู่ หรือจะดูว่าเปิด Finder ใว้กี่หน้าต่างก็ทำได้ โดยจะมีการจัดหมวดหมู่ตามโปรแกรมและจัดเรียงอย่างสวยงาม โดยด้านบนสุดเมื่อใช้งาน Mission Control ก็จะเป็นบรรดาโปรแกรมที่กำลังทำงานแบบเต็มหน้าจออยู่ รวมไปถึงสามารถเข้าถึงส่วนของ Dashboard ได้จากที่นี่เลยด้วย

การใช้งาน Multi-Touch แบบใหม่ๆ

ใน Lion จะมีการเพิ่มการใช้งาน Multi-Touch รูปแบบใหม่ๆ เข้ามามากมาย ทั้งนี้ก็เพื่อให้สอดคล้องกับ Interface และลูกเล่นต่างๆ ที่เพิ่มเข้ามาเยอะไม่แพ้กัน ซึ่งคราวนี้เราจะสามารถใช้งาน Multi-Touch ระดับ 5 นิ้วได้แล้ว (สำหรับการเปิดการทำงาน Launchpad) หรือจะเป็นการใช้งาน 3 นิ้วรูปแบบต่างๆ ในหน้าจอต่างๆ ก็มีการเพิ่มเข้ามาเช่นกัน รับรองได้ว่ามีอะไรให้เล่นกันเยอะมากๆ แน่นอน

Auto Save

บอกลาระบบเซฟแบบเดิมๆ ไปได้เลย หลังจากนี้เราอาจจะลืมการกด cmd + s สำหรับการเซฟงานไปเลยก็เป็นได้ โดยระบบใหม่อย่างการเซฟอัตโนมัตใน Lion จะทำให้เราสามารถที่จะทำงานไปได้เรื่อยๆ โดยที่ตัวโปรแกรมที่เราทำงานอยู่จะคอยเซฟสถานะช่วงต่างๆ ให้ โดยไม่ได้เป็นการสร้างไฟล์ใหม่ขึ้นมาเรื่อยๆ แต่จะเป็นการจัดเก็บข้อมูลแค่บางส่วนที่เปลี่ยนแปลงไปเพื่อประหยัดพื้นที่ Harddisk ให้มากที่สุด โดยเราสามารถเลือกที่จะ “lock” การทำงานดังกล่าวเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการ Auto Save แบบไม่ได้ตั้งใจได้เช่นกัน
Versions


ระบบ Versions เป็นระบบการบันทึกความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในไฟล์เอกสารแล้วจัดเก็บย้อนหลัง โดยระบบจะบันทึกข้อมูลตอนที่เราเปิดไฟลืเอกสารหรือทุกๆ ชั่วโมงที่เราทำงานบนเอกสารนั้นๆ โดยเมื่อเราต้องการเรียกดูไฟล์เอวณืชั่นเก่าๆ ที่เราเคยทำไปในช่วงที่ผ่านมา ก็สามารถเรียกดูได้ด้วยรูปแบบการใช้งานคล้ายๆ กับ Time Machine ซึ่งเราสามารถคลิกเลือกไฟล์เดียวกันนั้นแต่เป็นเวอร์ชั่นเก่าๆ เพื่อหยิบเอามาแทนที่เวอร์ชั่นปัจจุบัน หรือจะแค่เลือกก๊อปปี้บางส่วนในเอกสารเวอร์ชั่นเก่ามาใช้ในเอกสารเวอร์ชั่นล่าสุดก็ทำได้

ทำงานไม่กลัวพังกับ Resume

เชื่อว่าหลายๆ คนคงจะเคยคิดแบบเดียวกัน เมื่อกำลังทำงานอะไรบางอย่างอยู่ หรือมีการเปิดโปรแกรมหลายๆ โปรแกรมค้างใว้แล้วจำเป็นที่จะต้องรีสตาร์ทเครื่อง Mac ของเรา เราจะรู้สึกไม่อยากรีสตาร์ทซักเท่าไหร่เพราะโปรแกรมต่างๆ ที่เปิดทิ้งใว้จะหายไปหมด และต้องกลับมาไล่เปิดระลึกชาติกันไปอย่างเมามันส์
แต่ด้วยระบบ Resume ปัญหาดังกล่าวจะหมดไปโดยเราสามารถออกจากโปรแกรมใดๆ ได้ทันทีแล้วกลับมาเปิดโปรแกรมนั้นใหม่ด้วยสถานะเดิม หน้าตาแบบเดิมเหมือนที่เราได้ออกจากโปรแกรมมานั่นเอง

รูปแบบใหม่ หน้าตาใหม่ของ Mail 5

ใน Lion จะรวมเอาโปรแกรม Mail เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดก็คือเวอร์ชั่น 5 มาให้ด้วย โดยมีการออกแบบหน้าตาใหม่หมด ซึ่งดูแล้วก็คล้ายๆ กับ iPad อีกแล้ว โดย Apple บอกว่าเป็นการใช้ประโยชน์จากหน้าจอ Widescreen ให้เป็นประโยชน์ ซึ่งสำหรับใครที่ไม่ชอบหรือไม่ค่อยคุ้นกับหน้าตาแบบใหม่ของ Mail 5 ก็สามารถกลับไปใช้ Classic Layout ได้เช่นกัน
นอกจากนี้ใน Mail 5 ยังมีรูปแบบการจัดหน้าตาอีเมลในรูปแบบบทสนทนา (หรือ Conversation) ที่ดียิ่งขึ้น ซึ่งดูแล้วก็สวยงามน่าใช้มากกว่าเดิมเยอะ

โยนไฟล์ผ่าน Wi-Fi ง่ายๆ ด้วย AirDrop

อีกหนึ่งสุดยอดฟีเจอร์ชูโรงอีกตัวของ Lion ได้แก่ Airdrop โดยเป็นรบบการส่งไฟล์หากันระหว่าง Mac ที่ใช้งาน Lion โดยที่ทั้งสองเครื่องไม่จำเป็นต้องต่อสายใดๆ , ไม่ต้องอยู่วง LAN เดียวกัน, และไม่ต้องใช้ Internet เลยด้วย
การทำงานของ AirDrop ก็ง่ายๆ เพียงทั้งสองเครื่องที่ต้องการจะแชร์ไฟล์หากันต้องเข้าไปที่ไอคอน AirDrop ที่อยู่ใน Finder แล้วทั้งสองเครื่องก็จะสแกนหากันโดยจะค้นหาผ่านสัญญาณ Wi-Fi ของทั้งคู่ จากนั้นเราก็จะสามารถโยนไฟล์หากันผ่าน Wi-Fi ได้เลย โดยไม่จำเป็นต้องต่อเข้า Network หรือต้องอยู่ใกล้กันใดๆ ทั้งสิ้น


Lion Server รวมมาให้ใน Lion ธรรมดาเลย

จากนี้ดูเหมือน Apple จะเลิกทำ OS X เวอร์ชั่น Server โดยเฉพาะแล้ว ซึ่งใน OS X Lion จะมีการรวมตัว OS เวอร์ชั่น Server มาให้ด้วยเลยในตัว ซึ่งหลังจากนี้ก็คงไม่ต้องไปเสียเวลาซื้อแยกกันอีกต่อไป

Finder ใหม่ และลูกเล่นต่างๆ ตอนดูไฟล์

ใน Lion มีการปรับหน้าตาของ Finder ไปพอประมาณ โดยที่ด้านซ้ายจะมีเมนูอย่าง AirDrop และอื่นๆ เพิ่มเข้ามาด้วย ซึ่งการใช้งานในโหมดต่างๆ ดูจะเปลี่ยนไปพอสมควร โดยสิ่งที่แตกต่างจากเดิมแบบเห็นได้ชัดก็ได้แก่ Scroll Bar ที่กลายเป็นแบบเดียวกับ iOS ซึ่งจะจางหายไปเมื่อเราไม่ได้ใช้งาน หรือหน้าตาของ Quick Look ก็เปลี่ยนไปด้วย
ref: apple.com

Mission Control


Mission Control เป็นคุณสมบัติใหม่ที่มีมากับ Mac OS X Lion มีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มความสะดวกในการทำงานให้มากยิ่งขึ้น ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสลับการทำงานระหว่าง Application ต่างๆได้ง่ายขึ้น รวมไปถึงการใช้งานคุณสมบัติ  Dashboard , Expos'e และ Space อีกด้วย


  • Expos'e  เป็นวิธีที่ทำให้สลับหน้าต่างในการใช้งานได้อย่างรวดเร็ว
  • Dashboard เป็นเหมือนกระดานที่รวมรวบ Utility ที่เรียกใช้งานบ่อยๆเอาไว้ เพื่อความสะดวกในการใช้งาน เช่น ปฏิทิน นาฬิกา เครื่องคิดเลข
  • Space    เป็นการเพิ่มพื้นที่ในการทำงานเสมือนต่อจอ Monitor ไว้หลายจอ



หน้าจอ Dashboard



หน้าจอโดยรวมของ Mission Control

วิธีการเรียกใช้งาน Mission Control
  1. เรียกใช้งานผ่าน Trackpad  โดยใช้นิ้ว 3 หรือ 4 นิ้วตามที่ตั้งค่าไว้ วางไว้บน Trackpad แล้วเลื่อนขี้น
  2. เรียกใช้งานผ่าน Keyboard โดยการกดปุ่มเดียวกับปุ่ม F3 ซึ่งใน Keyboard ใหม่ของ Mac รุ่นใหม่จะมีสัญลักษณ์แสดงให้เห็น
  3. เรียกใช้งานผ่าน Dock โดยการกดที่ Icon ของ Mission Control
  4. เรียกใช้งานผ่าน  Hot corner

Icon Mission Control บน Dock


วิธีการปรับแต่ง Hot corner เพื่อเรียกใช้งาน Option ต่างๆ
  • ไปที่ System Preferences >> Mission Control
  • กดทึ่ปุ่ม Hot corners ตรงมุมซ้ายล่าง


  • เลือกคำสั่งใส่ลงในแถบต่างๆได้ โดยวิธีใช้ Hot corner เพียงแค่นำลูกศรไปวางไว้ตรงมุมที่ต้องการก็จะปรากฏ Option ต่างๆตามที่ได้ตั้งค่าไว้ อย่างอัตโนมัติ

โดยสามารถเลือกปรับแต่งได้ดังนี้
  • Mission Control 
  • Application Windows
  • Desktop
  • Dashboard
  • Launchpad
  • Start Screen saver
  • Disable Screen saver
  • Put Display to Sleep
  • -


สลับหน้าต่างด้วย Expos'e
สำหรับบาง Application เราสามารถเปิดได้หลายหน้าต่างพร้อมกัน เช่น Application สำหรับเปิดเอกสาร   ในกรณีนี้เราสามารถสลับหน้าต่างการใช้งานได้อย่างรวดเร็วผ่าน Expos'e โดย Expos'e  จะแสดง Application ที่เปิดอยู่ทั้งหมด และยังแสดงไฟล์ที่ถูกใช้งานทั้งหมดใน Application เดียวกัน รวมไปถึงไฟล์ที่อยู่ ใน Folder เดียวกันด้วย ซึ่งทำให้เราสามารถสลับการใช้งานได้อย่างรวดเร็ว

Tip ## อีกวิธีนึงที่นิยมใช้ คือการกดปุ่ม command ค้างไว้แล้วกดปุ่ม Tab ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้หน้าต่าง Application ที่ต้องการ

เพิ่มพื้นที่การทำงานด้วย Space
เป็นการเพิ่มพื้นที่ทำงานเปรียบเสมือนการมีหน้าจอ Monitor เพิ่ม สามาถสร้างได้สูงสุดถึง 16 Space โดยในการสร้าง space เพิ่มสามารถทำได้ในขณะที่อยู่ในหน้าต่าง Mission Control 


เลื่อนลูกศรไปยังมุมขวาบนขณะที่อยู่ในหน้าต่าง Mission Control เพื่อเพิ่ม Space

การสลับการทำงานในหน้าต่าง Space
  • ใช้ Hot key โดยการกด control ค้างไว้แล้วกดปุ่มซ้ายขวาตามต้องการ
  • ใช้ Trackpad โดยการใช้ นิ้วมือ 3 หรืิอ 4 นิ้ว ลากไปทางซ้ายหรือขวาตามต้องการ
  • ใช้ mouse เลือก Space จากหน้าต่าง Mission Control ตามต้องการ
การโยกย้ายและการจัดการ Application ใน Space
จากหน้าต่าง Mission Control สามารถลาก Application ที่ต้องการไปวางใน Space อื่นได้ทันที

การลบ Space
จากหน้าต่าง Mission Control นำลูกศรไปวางตรงมุมซ้ายของหน้าต่าง Space ที่ต้องการจะลบจะปรากฏปุ่มกากบาท กดแล้ว Space นั้นจะหายไป หากมี Application ที่เปิดใช้งานอยู่ Application นั้นจะย้ายไปอยู่ Space หลักให้อัตโนมัติ



ใน Space Desktop2 มี Application เปิดใช้งานอยู่


เมื่อทำการลบ Space Desktop2 Application ที่เปิดอยู่จะย้ายไปอยู่ใน Space Desktop โดยอัตโนมัติ

การจดจำการทำงานของทุก Space ไว้แม้จะปิดเครื่อง
เป็นคุณสมบัติอีกอย่างหนึ่งของ Mac OS X Lion ที่ชื่อว่า Resume คือเมื่อเปิด Application ใดๆทิ้งไว้หากปิดเครื่องสามารถจำสถานะทิ้งหมดก่อนการปิดเครื่องได้


ก่อนปิดเครื่องหากต้องการให้จำสถานะก่อนปิดเครื่องให้เลือกเครื่องหมายถูก

Launchpad

     อย่างที่ทราบกันไปในบทความที่แล้วว่า Launchpad คืออะไรกันไปก่อนหน้านี้แล้ว ในบทความนี้ เราจะมารู้ถึงการจัดการต่างๆ ที่เกี่ยวกับ Launchpad  เนื่องจาก Launchpad  นำแนวความคิดมาจาก iOS ซึ่งหากคุณเป็นผู้ที่คุ้นเคยสำหรับการใช้งาน iPhone iPad มาแล้วนั้น บทความนี้คุณอาจจะเข้าใจมาแล้วทั้งหมดก็เป็นได้หรืออาจจะทำให้คุณเข้าใจในการใช้งานได้ดียิ่งขึ้น

การเรียกใช้งาน Launchpad  สามารถทำได้หลายวิธีดังนี้


  • เรียกใช้งานผ่าน Trackpad  โดยการใช้นิ้วมือ 4 นิ้วทำการเลื่อนเข้าหากัน
  • เรียกใช้งานผ่าน Dock โดยการกดที่ Icon บน Dock
  • เรียกใช้งานคุณสมบัติของ Hot corners ซึ่งจะอธิบายในบทความอื่นต่อไป


หน้าจอ Launchpad



การเปลี่ยนหน้าใน Launchpad  

ถ้ามี Apllication ที่ติดตั้งไว้เป็นจำนวนมาก ตัว Launchpad จะแบ่ง Apllication ออกเป็นหลายๆหน้า หากเราต้องการจะเปลี่ยนการใช้งาน Launchpad ไปยังหน้าอื่นๆ สามารถทำได้โดยการใช้นิ้วมือ 2 นิ้วลากไปทางซ้ายหรือขวา เพื่อเปลี่ยนหน้า Launchpad ได้ตามต้องการ

การจัดเรียง Apllication บนหน้าจอ
  • เลือก Icon ที่ต้องการค้างไว้จน Icon สั่น หลังจากนั้นสามารถย้ายไปที่ต่างๆได้ตามต้องการ
  • ถ้าต้องการนำไปยัง หน้าอื่นใน Apllication ให้ลาก Icon นั้นไปยังขอบหน้าจอทิ้งไว้ แล้วรอสักครู่
  • ถ้าต้องการให้ Apllication นั้นไปไว้ตรง Dock สามารถลากไปใส่ได้ตามปกติ

การนำ Apllication ต่างๆไปรวมไว้ใน Folder เดียวกัน

  • เลือก Icon ที่ต้องการค้างไว้จน Icon สั่น
  • หากลาก Icon ที่ต้องการไปรวมกับ Icon อื่นจะเป็นการสร้าง Folder ขึ้นมาใหม่โดยที่มี Icon ที่เราเลือกและ Icon ที่ถูกรวม อยู่ใน Folder เดียวกัน

ลาก Icon มารวมกัน


เป็น Folder ใหม่ที่มี Icon ทั้งสองอยู่ใน folder เดียวกัน

  • ลาก Icon ที่ต้องการไปยัง Folder  ที่มีอยู่แล้วจะเป็นการ นำ Icon นั้นเพิ่มข้าไปใน Folder ที่มีอยู่

นำ Icon ไปรวมกับ folder ที่มีอยู่แล้ว

Trackpad

Trackpad คืออะไร ?

Trackpad หรือ Multi - Touch Trackpad เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่แทน Mouse เพื่อความสะดวกสบายในการใช้งานโดยเฉพาะการใช้งานสำหรับ MacBook ( Notebook ของ Apple ) โดยหากเป็น MacBook จะอยู่ส่วนล่างของแป้นพิมพ์มีหน้าตาเป็นรูปแผ่นสี่เหลี่ยมนั่นเอง



 ถ้าหากเป็น iMac หรือ Mac mini ก็สามารถหาเจ้า Magic Trackpad มาเป็นอุปกรณ์เสริมได้ เช่นเดียวกัน


Trackpad สามารถรองรับระบบ Multi - Touch ได้ โดยระบบนี้สามารถสั่งงานได้ทันทีผ่านการสัมผัสเท่านั้นและยังสามารถรองรับการสั่งงานพร้อมกันได้ถึง 4 นิ้วด้วยกัน โดยตัวระบบจะแปลความหมายของการสัมผัส Trackpad เป็นคำสั่งต่างๆ ซึ้งทำให้การใช้งานมีความรวดเร็วและสะดวกยิ่งขึ้น


วิธีการใช้งานและการปรับแต่งการใช้งาน Trackpad
ใน Mac OS X Lion มี VDO สอนการใช้งาน  Multi - Touch Trackpad ให้อยู่แล้วในส่วนของ System Preferences >> Trackpad ในขั้นตอนการปรับแต่งจะมี VDO การใช้งานแสดงอยู่ด้วย




ใน Mac OS X Lion นี้จะแบ่งการใช้งาน Trackpad เป็น 3 ประเภท ได้แก่ Point & Click , Scoll & Zoom , More Gustures

Point & Click



  • Tab to click  เป็นการเปิด การใช้งานการ Tab ( การสัมผัสพื้นผิวของ Trackpad ) แทนการ Click ( การกดลงบนพื้นผิวของ Trackpad  )
  • Secondary click  เป็นการเปิดการใช้งาน การใช้งานนิ้วทั้งสองนิ้วพร้อมกันแทนการ Click ขวา และสามารถปรับเป็น สัมผัสหรือกดที่มุมซ้ายล่างหรือมุมขวาล่างของ Trackpad ก็ได้
  • Look up  เป็นการเปิดการใช้งาน การค้นหาคำอธิบายคำต่างๆในแหล่งอ้างอิง โดยใช้งานนิ้วทั้งสามนิ้วพร้อมกันโดยการ สัมผัวหรือกดไปที่ Trackpad สองครั้ง
  • Three finger drag  เป็นการเปิดการใช้งานการลากวัตถุที่ต้องการด้วยการใช้นิ้วมือสามนิ้ว โดยไม่จำเป็นต้องเลือกวัตถุนั้นก่อนที่จะ Drag เพียงให้ลูกศรไปชี้ที่วัตถุที่ต้องการก็สามารถ Drag ได้ทันที
  • Tracking Speed  เป็นการปรับระดับความเร็วในการตอบสนองการใช้งาน Trackpad

Scoll & Zoom




  • Scroll direction : natural  เป็นการใช้งาน Scroll แบบธรรมชาติซึ่งโดยปกติ การแสดงผลของหน้าจอจะเป็นไปตามทิศทางของการ Scroll เช่น Scroll up ใช้เลื่อนขึ้น Scroll Down ใช้เลื่อนลง แต่ถ้าหากเปิดใช้งาน option  นี้แล้วการแสดงผลเวลาใช้งาน Scroll จะสลับกันนั่นเอง
  • Zoom in or out  เป็นการเปิดการใช้งานการย่อ - ขยาย หน้าจอโดยใช้นิ้วสองนิ้วเลื่อนเข้าหากันหรือเลื่อนออกจากกัน เพื่อทำการย่อ ขยาย ตามลำดับ โดยอ้างอิงตำแหน่งตรงกลางจากลูกศร
  • Smart Zoom  เป็นการเปิดการใช้งานการขยายสิ่งที่เราต้องการให้แสดงผลเต็มหน้าจอ ทำได้โดยการใช้นิ้วมือสองนิ้ว สัมผัสหรือกดลงบน Trackpad สองครั้ง
  • Rotate  เป็นการเปิดการใช้งานการหมุนรูป โดยการใช้นิ้วมือสองนิ้วเลื่อนสลับตำแหน่งกันเป็นวงกลม

More Gustures


  • Swipe between pages  เป็นการเลือกใช้งานการเปลี่ยนหน้าเอกสารหรือหน้า web page โดยการใช้นิ้วมือที่กำหนด Scroll ไปทางซ้ายเพื่อเลื่อนไปยังหน้าที่แล้วหรือ Scroll เพื่อเลื่อนไปยังหน้าถัดไป สามารถปรับแต่งได้ว่าต้องการใช้นิ้วมือ 2 นิ้วหรือ 3 นิ้ว
  • Swipe between full-screen apps  เป็นการเลือกใช้งานการเปลี่ยนไปใช้งานโปรแกรมอื่น โดยการใช้นิ้วมือที่กำหนดทำการเลื่อนไปทางซ้ายหรือขวาของ Trackpad สามารถปรับแต่งได้ว่าต้องการใช้นิ้วมือ 3 นิ้วหรือ 4 นิ้ว
  • Mission Control  เป็นการแสดงสิ่งที่เรากำลังเปิดใช้งานทั้งหมด โดยแสดงให้เห็นในหน้าจอเดียว โดยการใช้นิ้วมือที่กำหนดเลื่อนจากล่างขึ้นบนตาม Trackpad  สามารถปรับแต่งได้ว่าต้องการใช้นิ้วมือ 3 นิ้วหรือ 4 นิ้ว


หน้าจอแสดง Mission Control

  • App Expose  เป็นการปรับแต่งให้แสดงผลของการงานจากโปรแกรมด้วยกันให้อยู่ในหน้าจอเดียวโดยการใช้นิ้วมือที่กำหนดเลื่อนจากบนลงล่างตาม Trackpad  สามารถปรับแต่งได้ว่าต้องการใช้นิ้วมือ 3 นิ้วหรือ 4 นิ้ว

หน้าจอแสดง App Expose
  • Launchpad  เป็นการเปิดการใช้งาน Launchpad ( การแสดงผลของ Desktop เหมือนระบบ iOS เช่น iPhone iPad ) โดยการใช้นิ้วมือ 4 นิ้วทำการเลื่อนเข้าหากัน

หน้าจอแสดง Launchpad

  • Show Desktop  เป็นการเปิดการใช้งานการแสดง Desktop เมื่อใช้นิ้วมือ 4 นิ้วเลื่อนออกจากกัน

สามารถศึกษาการใช้งานเพิ่มเติมได้จาก VDO


การจัดการเกี่ยวกับ Application บน Mac OS X Lion

การเปิด Application สามารถเปิดได้หลายวิธี

1. เปิดจาก Dock เป็นการเรียกใช้งานได้อย่างรวดเร็ว โดยการเลือก Application ที่ต้องการจะเปิดก็สามารถเปิดได้ทันที


2. เปิดจาก Finder โดยปกติ Finder จะถูกเปิดใช้งานอยู่ตลอดเวลา แล้วไปแถบ Application หลังจากนั้นก็เลือกเปิด Application ตามต้องการ


Finder





3. เปิดจาก Launchpad มีวิธีการใช้งานคล้าย กับ iOS ที่แสดงผลใน iPhone หรือ iPad วิธีการใช้งาน เริ่มต้นจากการเปิด Application Launchpad ก่อนตรง Dock หลังจากนั้นก็เปิด Apllication ตามต้องการ


Launchpad Icon


รูป Desktop เมื่อเปิดใช้งาน Launchpad

Tip # การเปิด Launchpad สามารถทำได้อีกวิธี โดยการนำนิ้วมือ 4 นิ้วไปวางบน Trackpad แล้วนำนิ้วมือทั้ง 4 หุบเข้าหากัน และหากต้องการปิด Launchpad ก็สามารถใช้วิธีการนำนิ้วมือทั้ง 4 กางออกจากกันได้ เช่นเดียวกัน

การปิด Application 

1. ใช้ Hot key โดยการกด Command + Q
2. คลิกชื่อโปรแกรมโดยคลิกเมนูด้านบน แล้วเลือกคำสั่ง Quit


3. คลิกขวาที่ Application นั้นๆบน Dock แล้วเลือก Quit



การย่อ ขยายหน้าต่าง Application

การย่อหน้าต่าง Application 
ทำได้โดยกดที่ปมุ่สีเหลืองด้านซ้ายบนของหน้าต่าง Application



หน้าต่างจะถูกย่อมาอยู่บน Dock และหากต้องการใช้งานอีกก็สามารถกดตรง icon บน Dock ได้เลย



การปรับขนาดหน้าต่าง Application
นำเมาส์ไปวางตรงตำแหน่งขอบหน้าต่างของ Application แดรกเมาส์ ( คลิ๊กค้างแล้วลาก ) จะสามารถปรับขนาดได้ตามต้องการ

การปรับขนาดหน้าต่าง Application ให้เป็น Full Screen
คลิกที่  icon Full Screen ตรงมุมขวาบนของหน้าต่าง Application หากคลิกซ้ำจะเป็นการย่อกลับมาเป็นหน้าต่างปกติ


การปรับแต่งการแสดงผลที่ต้องการใช้งานเพิ่มเติม

1. ปรับแต่งภาษาไทยให้ใช้งานกับระบบ


1.1 เลือก System Preferences ที่อยู่บน Dock


1.2 เลือกคำสั่ง Language & Text






1.3 ไปที่แถบ Language เลือก Edit List ตรงมุมซ้ายล่าง


1.4 เลือกเครื่องหมายถูกหน้าภาษาที่ต้องการ



1.5 ในแถบ Formats เป็นการปรับแต่งเกี่ยวกับตัวเลข ปฏิทิน และสกุลเงิน


ในส่วนของ Region : ให้เลือกเป็น Thailand (Thai)
ในส่วนของ Calendar : หากต้องการให้แสดงผลเป็นปีพุทธศักราช ให้เลือกเป็น Buddhist
ในส่วนของ Cerrency : เป็นการแสดงผลของสกุลเงิน ให้เลือกเป็น Thai Baht

1.6 ในแถบ Input Sources เป็นการปรับแต่งภาษาที่ใช้ในการพิมพ์


  • เลือกเครื่องหมายถูก หน้าช่องของภาษาที่เราต้องการ
  • หากเลือก Show Input menu in menu bar  จะแสดงสัญลักษณ์ภาษาตรง Status bar
1.7 หากต้องการ Hot Key ไว้สำหรับเปลี่ยนภาษาที่ใช้พิมพ์ ให้เลือกที่ Keyboard Shortcuts


  • ในแถบของ Keyboard & Text Input ให้เลือกเครื่องหมายถูกในช่อง Select the previous input source 



  •  ใน Mac OS X Lion นี้ หากเราใช้ Hot key เปลี่ยนภาษาทีใช้พิมพ์ที่ทาง Mac OS ตั้ง Defaults ไว้ให้ เราจำเป็นที่จะต้องไปยกเลิก Hot Key ของการใช้งาน Sportlight ด้วย เนื่องจาก Hot Key มันเหมือนกัน โดยไปที่แถบ Sportlight แล้วนำเครื่องหมายถูกออก

วิธีการสลับภาษาสำหรับพิมพ์ สามารถทำได้ 2 วิธี 



1. เลือกที่ Icon รูปภาษาตรง Status bar  แล้วเลือกภาษาที่ต้องการจะใช้



2. ใช้ Hot key ที่ตั้งไว้โดยการกดปุ่ม Command + Spacebar ในกรณีที่มีภาษาที่ต้องการใช้มากๆ สามารถกด Hot key  ค้างไว้เพื่อเลือกภาษาได้